ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมการส่งเสริมสุขภาพในผู้ใหญ่วัยกลางคน ได้แก่
1. ความเชื่ออำนาจในตน (internal health locus of control) บุคคลที่รับรู้ว่าตนเองสามารถควบคุมดูแลสุขภาพของตนเองได้
จะมีพฤติกรรมการส่งเสริมสุขภาพมากกว่าบุคคลที่รู้สึกว่าตนเองไม่สามารถควบคุมดูแลสุขภาพของตนเองได้
ซึ่งอาจจะคิดว่าสุขภาพเป็นเรื่องของธรรมชาติหรือเรื่องบุญและกรรมที่ตนไม่อาจไปฝ่าฝืนได้
ผู้ที่รับรู้เช่นนี้จะมีพฤติกรรมการส่งเสริมสุขภาพเกี่ยวกับการดูแลในเรื่องอาหาร
การออกกำลังกาย หรือการให้กำลังใจแก่กันและกันต่ำกว่าผู้ที่เชื่ออำนาจในตน
2. การยอมรับนับถือตนเอง (Self-esteem) การยอมรับนับถือตนเอง
เป็นการแสดงถึงความรู้สึกว่าตนเองมีค่าย่อมจะมีกำลังใจในการปฏิบัติสิ่งต่างๆ
ด้วยความภูมิใจในตนเอง จึงมีความตั้งใจและมีพฤติกรรมการส่งเสริมสุขภาพดีกว่าคนที่รู้สึกว่าตนเองไร้ค่า
หรือมีการยอมรับนับถือตนเองตํ่า
3.
การรับรู้เกี่ยวกับสถานภาพสุขภาพ (health perception) ผู้ใหญ่วัยกลางคนที่รับรู้ว่าสถานภาพของตนอยู่ในเกณฑ์ดีจะมีพฤติกรรมส่งเสริมสุขภาพดีกว่าผู้ที่รับรู้ว่าสถานภาพสุขภาพของตนไม่ดี
การส่งเสริมสุขภาพในวัยผู้ใหญ่ตอนกลาง วัยผู้ใหญ่ตอนกลางหรือวัยกลางคน
นับเป็นวัยที่ให้ความสนใจเกี่ยวกับสุขภาพมากกว่าวัยรุ่นและวัยหนุ่มสาว
เพราะเป็นวัยที่เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงของร่างกายไปในทางเสื่อม
ประกอบกับภารกิจภายในครอบครัวลดน้อยลง
เนื่องจากลูกโตพอที่จะช่วยเหลือตัวเองได้บางคนอาจมีลูกที่แต่งงานแยกครอบครัวไปอยู่ต่างหาก
ผู้ใหญ่วัยกลางคนจึงมีเวลาเป็นของตัวเองมากขึ้น
สามารถใช้เวลาเหล่านั้นมาสนใจกับการส่งเสริมสุขภาพให้แก่ตนเองได้วัยกลางคนควรให้ความสนใจในการส่งเสริมสุขภาพในเรื่องต่อไปนี้คือ
3.1 อาหาร
ความต้องการอาหารในวัยกลางคนลดน้อยลงกว่าวัยหนุ่มสาว จากการศึกษาพบว่าอัตราการเผาผลาญขั้นต่ำ
(Basal Metabolism Rate = BMR) จะค่อยๆ ลดลง ในทุก 10 ปี
หลังอายุ 25 ปี จึงควรลดพลังงานที่ได้รับจากอาหารลงประมาณร้อยละ 7.5
นอกจากความต้องการพลังงานที่ลดลง เพราะอัตราการเผาผลาญลดลงแล้ว ยังมีสาเหตุจากการมีกิจกรรมเกี่ยวกับการใช้พลังงานทางกายลดลงด้วย
การรับประทานอาหารในวัยกลางคนจึงควรลดอาหารประเภทแป้งและไขมันลง
ผู้ที่มีนํ้าหนักเกินเกณฑ์มาตรฐาน มีโอกาสเกิดโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง
และหลอดเลือดแดงเลี้ยงหัวใจตีบได้
นอกจากนี้การมีน้ำหนักร่างกายมากยังมีปัญหาเกี่ยวกับข้อ
ทำให้เกิดข้ออักเสบและข้อเสื่อมได้ง่าย ควรให้ความสำคัญกับอาหารโปรตีน แร่ธาตุ
วิตามิน
อาหารที่มีโคเลสเตอโรลตํ่า
อาหารที่ให้พลังงานตํ่า และดื่มนํ้ามากๆ โดยเฉพาะนํ้าเปล่าและผลไม้
ถ้าได้อาหารสมส่วนจะทำให้มีนํ้าหนักตัวคงที่ ป้องกันอาการแสบหน้าอก ท้องผูก
และความรู้สึกไม่สบายเล็กๆ น้อยๆ อย่างอื่นอันมีสาเหตุมาจากการเปลี่ยนแปลงของสรีระของร่างกาย
เช่น อาการท้องอืด แน่นอึดอัดท้อง เรอกลิ่นเหม็นเปรี้ยว นอกจากนี้
ผู้ที่อยู่ในวัยกลางคน ควรฝึกการเคี้ยวอาหารให้ละเอียดก่อนกลืน
เพื่อช่วยให้การย่อยง่ายขึ้น การรับประทานอาหารควรรับประทานในบรรยากาศที่สบายๆ
ไม่รีบร้อน และหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารขณะที่รู้สึกเหนื่อยมากๆ
การพักผ่อนและการออกกำลังกาย
วัยกลางคนควรจะเป็นวัยที่เก็บสะสม
และกักตุนทรัพย์สินทางสุขภาพไว้ใช้ในยามชราหรือเข้าสู่วัยสูงอายุ
จึงไม่ควรปล่อยเวลาให้ผ่านไปโดยที่ไม่ได้ทำอะไรที่เป็นประโยชน์แก่สุขภาพของตนเอง
การพักผ่อนในวัยกลางคน
ควรจะเป็นช่วงเวลาของการฝึกงานอดิเรกบางอย่างที่ตนสนใจ และชอบ
เพื่อเตรียมตนเองเมื่อเข้าสู่วัยสูงอายุ
การเริ่มฝึกตั้งแต่วัยนี้จะง่ายกว่าการฝึกเมื่อย่างเข้าสู่วัยสูงอายุ
ผู้ที่อยู่ในวัยกลางคนมักจะเป็นผู้ที่มีความพึงพอใจในความสำเร็จของชีวิต
และมีการแข่งขันน้อยลง มีความพร้อมในแง่เศรษฐกิจ
จึงอาจมีกิจกรรมการพักผ่อนโดยการไปท่องเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ ที่ตนพอใจ
ซึ่งอาจจะเป็นการเที่ยวกันเองภายในครอบครัว
หรือการไปเที่ยวกับเพื่อนร่วมงานหรือระหว่างผู้ที่มีความสนใจในสิ่งเดียวกันก็ได้
กิจกรรมการพักผ่อนที่มีผลในการส่งเสริมสุขภาพจิตของคนไทยส่วนใหญ่เป็นกิจกรรมทางศาสนา
กิจกรรมสังคมสงเคราะห์ เป็นต้น
การออกกำลังกายจะช่วยให้วัยกลางคนมีการไหลเวียนเลือดที่ดีขึ้น
กระดูกหนา และแข็งแรงขึ้น เอ็นและข้อต่อของร่างกายมีความเหนียวและหนามากขึ้น
ทำให้ข้อต่อมีความแข็งแรงสามารถเคลื่อนไหวได้เต็มวงการเคลื่อนไหว (range of motion) โดยเฉพาะข้อที่มีนํ้าเลี้ยงข้อ
เยื่อบุข้อจะสร้างนํ้าหล่อเลี้ยงในปริมาณพอเหมาะที่จะทำให้การเคลื่อนไหวเป็นไปโดยคล่องตัว
และไม่ทำให้หัวกระดูกเสียดสีกันจนเกิดอันตราย นอกจากนี้ยังทำให้ปอด
และหัวใจมีการทำงานที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น การย่อยอาหาร การขับเหงื่อ
และการขับถ่ายทำงานดีขึ้น
การทำงานของกล้ามเนื้อและระบบประสาทมีความสัมพันธ์กันและประสานกันได้ดี
ทำให้การเคลื่อนไหวเป็นไปอย่างถูกต้อง
หลักการออกกำลังกายในวัยกลางคน คือ
1. ออกกำลังกายอย่างสมํ่าเสมอ
2. เลือกการออกกำลังกายที่พอเหมาะกับความสามารถและข้อจำกัดของตน
คือ เมื่อหยุดพักแล้ว 10 นาที อัตราเต้นของห้วใจจะต่ำกว่า 100 ครั้ง/นาที
3. ค่อยๆ
เพิ่มการออกกำลังกายทีละน้อยจนกระทั่งได้ปริมาณที่พอเหมาะกับการทำให้ร่างกายแข็งแรง
4.
ผู้ที่มีนํ้าหนักเกินมาตรฐานหรือมีบุคคลในครอบครัวเป็นโรคหัวใจและโรคหลอดเลือด
ควรได้รับการตรวจร่างกายก่อนเริ่มออกกำลังกายครั้งแรก
5.
หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายประเภทการแข่งขัน
การออกกำลังกายที่เหมาะกับวัยกลางคน
มีหลายชนิดด้วยกัน แต่ละชนิดอาจทำให้เกิดการบาดเจ็บต่อส่วนต่างๆ
ของร่างกายได้ไม่เหมือนกัน ควรเลือกชนิดของการออกกำลังกายให้เหมาะกับจุดอ่อนประจำตัวของตน
และดัดแปลงให้เหมาะสมกับการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย
ผู้ที่ปวดเข่าไม่ควรใช้วิธีออกกำลังกายโดยการเดินหรือวิ่ง
แต่ใช้วิธีการว่ายนํ้าหรือแกว่งแขนแทน ผู้ที่ปวดคอ ปวดหลัง อาจใช้วิธีการว่ายนํ้า
หรือขี่จักรยานอยู่กับที่ การออกกำลังกายที่ไม่ทำให้เกิดบาดเจ็บแก่ร่างกายคือ
การรำมวยจีน ซึ่งน่าจะเหมาะกับวัยกลางคนทุกคน
การออกกำลังกายเป็นการส่งเสริมสุขภาพที่มีคุณค่ามากในวัยกลางคน
แต่เป็นการส่งเสริมสุขภาพที่มีการนำไปปฏิบัติจริงต่ำมากเมื่อเทียบกับการส่งเสริมสุขภาพอย่างอื่น
ผู้ที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องจะต้องสนใจเกี่ยวกับการออกกำลังกายให้มากขึ้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น